สวัสดีค่ะน้อง ๆ วันนี้พี่ ๆ มีเคล็ดไม่ลับสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษมาฝากกันค่ะ

บ่อยครั้งค่ะที่พี่ได้ยินน้อง ๆ หลาย ๆ คนบ่นว่าทำไมเรียนภาษาอังกฤษเท่าไรก็พูดยังไม่ได้ ฟังก็ยังไม่รู้เรื่องสักที ไปเรียนที่ไหนก็ไม่ได้ผลสักที

โถ! อย่าเพิ่งน้อยอกน้อยใจไปเลยค่ะ สถาบันการสอนแต่ละแห่งเค้าก็มีเทคนิคการเรียนการสอนต่างกันไป แต่การสอนจะได้ผลก็ต้องอยู่ที่ความตั้งใจจริง

ของผู้เรียนด้วยนะคะ ว่ามีความขยันและตั้งใจจริงรึเปล่า หากว่าน้อง ๆ มีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังแล้ว ภาษาอังกฤษก็ง่ายนิดเดียวค่ะ

เคล็ดลับในการเรียนของสถาบันการเรียนอื่นพี่ไม่ทราบนะคะ แต่พี่มีเคล็ดลับสำหรับการเรียนที่นี่มาฝากค่ะ และน้อง ๆ

สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนในสถาบันอื่น ๆ ที่น้อง ๆ เรียนอยู่ได้ด้วยค่ะ

เคล็ดไม่ลับง่าย ๆ มีดังนี้ค่ะ

 

1. ตั้งเป้าหมายในการเรียน ตั้งใจเอาไว้เลยค่ะหากจะเสียเงินมาเรียนแล้ว ฉันจะต้องพูดและฟังกับฝรั่งรู้เรื่อง

 

2. กำหนดวันและเวลาเรียนที่สะดวกและพร้อมจะมาเรียนให้แน่นอน เพราะอะไรน่ะเหรอคะ เป็นเพราะว่าหากมาเรียนแบบเร่งรีบ เช่นเลิกจากงาน

แล้วต้องรีบห้อตะบึงมาเรียนแบบเวลาเฉียดฉิว คนที่จะเหนื่อยน่ะไม่ใช่ใครหรอกแต่เป็นตัวน้อง ๆ เอง พอเหนื่อยแล้วก็เกิดอาการเพลีย อ่อนล้า

สมองไม่พร้อมที่รับรู้มากนัก ผลที่ได้คือนั่งเรียนตั้งนานแต่รู้เรื่องแบบขาด ๆ เกืน ๆ ไม่ค่อยเข้าหัวยังไงก็ไม่รู้เพราะฉะนั้นพี่ขอแนะนำ

ว่าควรเช็ควันและเวลาที่เราพร้อมจะเรียนจริง ๆ ดีกว่าค่ะ เช่น วันจันทร์กับวันศุกร์งานยุ่ง แต่วันพุธกับพฤหัสบดี งานไม่ค่อยยุ่งมากนักก็

มาเรียนวันที่เราสะดวกดีกว่า ส่วนเวลาเรียนก็ดูว่าระยะทางจะมาถึงตอน 6 โมง หรือ 6 โมงครึ่งดี กะเผื่อรถติดนิดหน่อยจะได้ไม่ต้องรีบร้อนมาก

หากเรามาแบบสบาย ๆ ไม่เร่งรีบจนเกินไป สมองเราก็ปลอดโปร่งไปด้วย ส่วนประสาทของการรับรู้ก็จะทำให้เราจดจำการเรียนการสอนได้ดีขึ้น

 

3. มาเรียนทุกครั้งที่มีการเรียนการสอน อันนี้สำคัญมาก ๆ นะคะ สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะน้อง ๆ ที่เน้นเรื่องการสนทนา

เพราะหากเราได้มาเรียนทุกครั้งโดยไม่ขาด น้องจะได้ฝึกทักษะการพูด การฟังกับอาจารย์ชาวต่างชาติจริง ๆ ทุกครั้งไป ฟังบ่อย พูดบ่อย คุยกันบ่อย ๆ น้อง ๆ

ก็จะซึมซับเข้าใจภาษาอังกฤษโดยอัตโนมัติ ความประหม่าที่เคยมีก็จะเริ่มหายไป ความเคยชินกับสำเนียงชาวต่างชาติก็จะมากขึ้น

จากการสังเกตุนักเรียนที่มาเรียนทุกครั้งโดยไม่ขาดจะได้ผลลัพธ์แตกต่างจากนักเรียนที่มามั่งหยุดมั่งอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ หากเป็นไปได้ถ้าไม่ใช่เรื่อง

คอขาดบาดพยายามตายอย่าหยุดเรียนเลยค่ะ เว้นเสียแต่กรณีจำเป็นจริงๆ ก็พออนุโลมได้ค่ะ แต่ไม่ใช่หยุดเพราะเมื่อคืนไปปาร์ตี้จนมาเรียนไม่ไหว เพื่อน ๆ

ชวนไปเดินห้างเกรงใจขัดเพื่อนไม่ได้ ตอนเช้าอากาศดีนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า ขอเถอะค่ะอดทนเรียนแค่เดือน สองเดือนเดี๋ยวก็ำได้เที่ยวแล้ว

ถ้าเพื่อนรักเราจริงเค้าต้องเข้าใจเราค่ะ ถ้าเพื่อนรักเพื่อน เพื่อนเค้าก็ต้องส่งเสริมและยินดีไปกับเราอยากให้เราก้าวหน้า ถ้าอยากเที่ยวจริง ๆ

ก็ขอเป็นวันอื่นที่ไม่ต้องมาเรียน หรือจะนัดไปดูหนังหลังเลิกเรียนก็ได้ เที่ยวเมื่อไรก็เที่ยวได้อายุเรายังอีกยาวไกล แต่อดทนเรียนแค่เดือน สองเดือน

เราจะได้ความก้าวหน้าทั้งในเรื่องความรู้และการงานไปอีกนาน ได้งานดี เงินก็ดีตามไปด้วย ทีนี้ล่ะเพื่อน ๆ จะชวนไปเที่ยวรอบโลกเราก็จะไม่ปฏิเสธเลยเชียว

 

4. สุขภาพจิดดี หลายคนอาจจะบอกว่าฉันมีเรื่องกลุ้มเยอะแยะ งานไม่ค่อยดี เงินไม่ค่อยพอใช้ เจอเพื่อนร่วมงานแย่ ๆ จะให้สุขภาพจิตดีได้อย่างไร

นั่นแหละค่ะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสดีไหมคะ แค่เปลี่ยนวิธีคิดชีวิตก็เปลี่ยนค่ะ เคยได้ยินคำนี้ไหมคะ มองโลกในแง่บวก อืม! งานไม่ค่อยดี ตำแหน่งตัน

ก็เปลี่ยนงานใหม่สิ อาจจะได้งานในบริษัทที่มั่งคง มีสวัสดิการดีขึ้น ตำแหน่งอาจจะสูงขึ้น หรืออย่างน้อยเงินเดือนก็อาจจะเพิ่มขึ้น เพื่อนร่วมงานใหม่

ไม่รู้ว่าจะดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเดิมอย่าเพิ่งไปคิดกังวลล่วงหน้าเลยค่ะ แค่เริ่มต้นชีวิตใหม่กับที่ทำงานใหม่และเริ่มต้นการวางตัวเสียใหม่ มีมนุษยสัมพันธ์ดี

ยิ้มแย้มแจ่มใจ คนไหนดูแล้วถ้าจะเม้าท์เก่งก็หลีก ๆ เสียหน่อย คนไหนคุยแล้วมีแต่เรื่องไม่สบายใจก็ห่าง ๆ หน่อยก็ดี เรื่องของเราก็หนักมากพออยู่แล้ว

ทำไมจะต้องเอาเรื่องคนอื่นมาแบกใส่บ่ากลับบ้านด้วย อย่าไปคิดมากแทนเค้าอย่าไปกังวลแทนเค้า เรื่องทุกเรื่องย่อมมีทางออกอยู่เสมอ

ปัญหาของเค้าถึงไม่มีเราเค้าก็ต้องหาทางออกได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็มองโลกแง่บวกไว้ค่ะ สมองจะได้ปลอดโปร่ง ก็จะได้มีความสุขกับการเรียน

เมื่อเรียนรู้เรื่องแล้วโอกาสแห่งความก้าวหน้าก็มาเร็วขึ้น ไปสมัครงานที่ไหนก็จะมั่นใจมากขึ้น อย่าไปคิดว่าตัวเองไม่ได้จบมหาลัยโด่งดัง เกรดเฉลี่ยไม่ดี

ใครเขาจะรับเข้าทำงานในตำแหน่งดี ๆ อย่าไปคิดเองตอบเองเลยค่ะ สมัยนี้มีหลาย ๆ บริษัทที่เขาเปิดกว้างในเรื่องความสามารถมากกว่าใบปริญา

ถ้าคุณมีความขยัน อดทน แถมมีภาษีดีเรื่องภาษา ใคร ๆ ก็อยากได้คุณไปทำงานค่ะ มาเถอะค่ะอยากเรียนให้ได้ผล อยากเป็นภาษาอังกฤษให้ไว

แค่เตรียมตัวเตรียมใจมาเรียนแบบสบาย ๆ ไม่ซีเรียส ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ต่อไปอีกแล้วค่ะ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและชีวิตอยู่แค่เอื้อม

ภาษาอังกฤษดีภาษีในการเลือกงานก็ดีตามไปด้วยค่ะหลังจากเรียนแล้วทำยังไงถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ มาค่ะมาฟังทางนี้พี่มีเคล็ดลับดี ๆ มาฝาก

 

5. ให้ภาษาอังกฤษเป็นเพื่อนคู่หูทุกวัน สำหรับคนขี้อายต้องนี่เลย เข้าบ้านหรือเข้าห้องนอนให้พูดภาษาอังกฤษกับสิ่งของเครื่องใช้เช่น

Hello,Ms.mirror.How are you today? หรือจะเข้าไปอาบน้ำก็พูดกับตัวเองว่า I will go to take a shower. พูดเองตอบเองทำเหมือนเรา

เล่นละครหรือพูดคุยกับคนอื่นอยู่ มีปัญหาเรื่องเพื่อน ที่ทำงานหรืออกหักรักคุด ก็พูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษถูกบ้างผิดบ้างก็เอาเถอะไม่ต้องกลัวใคร

จะว่าเราเพี้ยนหรอกก็พูดเองเออเองอยู่ในห้องตัวเองนี่นาจะไปอายทำไม ถ้าจะอายก็ควรจะอายที่มาเรียนภาษาอังกฤษทั้งทีแต่กลับอายที่จะพูด เฮ้อ!

แล้วจะเสียเงินมาเรียนทำไมเนี่ย

 

ส่วนคนที่มีน้องหรือหลานเล็ก ๆ ก็พูดภาษาอังกฤษกับเด็ก ๆ ที่บ้านก็ได้เพราะจะทำให้ไม่เคอะเขินแถมได้คู่ซ้อมด้วย หากใครมาได้ยินก็บอก

ไปเลยว่าสอนภาษาอังกฤษให้น้องอยู่โตขึ้นไปน้องจะได้พูดเก่ง ๆ พ่อแม่ที่ไหนจะไม่ชอบล่ะคะมีคนมาช่วยสอนซะขนาดนี้แถมจะยังเชียร์ให้ช่วยมาสอนบ่อย ๆ

อีก งานนี้นอกจากจะได้คู่ซ้อมนอกห้องนอนแล้ว ยังช่วยเพิ่มความกล้าขั้นที่สองให้แก่ตัวเราเองด้วย ดีไม่ดีงานนี้อาจจะได้ขนมนมเนยตบของรางวัล

อิ่มทั้งใจ สบายทั้งท้อง แถมยังได้ฝึกภาษาอังกฤษแบบเนียนดีด้วย